
แม้ว่าความสนใจที่จะไปลงทุนในต่างประเทศในปัจจุบัน จะพุ่งเป้าไปที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เป็นหลัก แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งประเทศที่ผู้ประกอบการไทยไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือ มาเลเซีย
เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มาเลเซีย ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของเรา ได้คว้าอันดับที่ 6 ในการเป็นประเทศที่น่าลงทุนที่สุดในโลก โดยทะยานขึ้นจากลำดับ 11 ในปีก่อนหน้า
การจัดอันดับดังกล่าวจัดทำจากดัชนีฐานชี้วัดจากการทำกำไร (Baseline Profitability Index : BPI) โดยครอบคลุม 110 ประเทศ จาก 6 ทวีปทั่วโลก และได้รับการเผยแพร่ในนิตยสาร Foreign Policy นิตยสารความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชื่อดัง
การขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 6 ส่งสัญญาณชัดเจนว่า มาเลเซียมีสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจที่ดี และยินดีสนับสนุนนักลงทุนทั่วโลก ดัชนีตัวชี้วัดที่ว่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาเพียงอย่างเดียว แต่ยังวัดจากการพยากรณ์ระบบเศรษฐกิจในอีก 5 ปี ข้างหน้าด้วย
หน่วยงานด้านการส่งเสริมการลงทุนของมาเลเซีย (Malaysia Investment Development Authority หรือ MIDA) กล่าวว่า การที่มาเลเซียคว้าอันดับ 6 ในครั้งนี้ เป็นการยืนยันขีดความสามารถและความน่าสนใจของมาเลเซียในฐานะศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทำให้เห็นว่า มาเลเซียมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่พัฒนามากขึ้น และเป็นข้อพิสูจน์ว่าแผนนโยบายปรับโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจเชิงรุกของรัฐบาลมาเลเซียนั้นก่อให้เกิดความหลากหลายทางเศรษฐกิจอย่างมีรูปธรรม ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาระบบบริการสาธารณะและประสิทธิภาพในการบริหารของรัฐ
BPI จัดอันดับจาก 8 ปัจจัยหลักที่จะส่งผลต่อความสำเร็จของการลงทุนจากต่างประเทศ ได้แก่ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเงิน ความปลอดภัยทางกายภาพ การทุจริต การมีส่วนร่วมของภาครัฐ การมีส่วนร่วมของท้องถิ่น การบริหารเงินทุน และอัตราแลกเปลี่ยน
เมื่อคำนึงถึงปัจจัยความพร้อมด้านเศรษฐกิจของมาเลเซียที่สะท้อนจากการจัดอันดับดังกล่าว อีกทั้งมาเลเซียยังมีนโยบายเปิดกว้างด้านการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ ในเวลานี้จึงนับว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจไปเข้าลงทุนในดินแดนเสือเหลือง ไทยสามารถใช้ข้อได้เปรียบจากทำเลที่ตั้งที่มีพรมแดนติดกันในการขยายโอกาสด้านการค้าการลงทุนในมาเลเซียทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตร และภาคบริการ
สำหรับประเทศไทยในการจัดอันดับครั้งนี้ อยู่ลำดับที่ 38 ขณะที่อันดับ 1 ตกเป็นของอินเดีย ส่วนในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกัน สิงคโปร์อยู่ที่อันดับ 4 อินโดนีเซียคว้าอันดับที่ 12 เวียดนามเป็นอันดับที่ 23 และฟิลิปปินส์ยังแซงหน้าไทยอยู่อันดับที่ 30
ประเภทข่าว
แหล่งข้อมูลข่าวเศรษฐกิจ
- กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในอาร์เจนตินา
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในแคนาดา
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในชิลี
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในเม็กซิโก
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในออสเตรเลีย
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในเมียนมาร์
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในรัสเซีย
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในบราซิล
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในเยอรมนี
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในเดนมาร์ก
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในอียิปต์
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในฮังการี
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในนอร์เวย์
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในปากีสถาน
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสหรัฐอเมริกา
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในศรีลังกา
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในอินเดีย
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในอิหร่าน
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสิงคโปร์
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในเกาหลีใต้
- ศูนย์บริการข้อมูลธุรกิจไทยในฟิลิปปินส์
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในมาเลเซีย
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในลาว
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในญี่ปุ่น
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในอินโดนีเซีย
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในไต้หวัน
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในเวียดนาม
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในยุโรป
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในแอฟริกาใต้
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในเซเนกัล
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในเนปาล
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในมาดากัสการ์
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในคูเวต
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในอิสราเอล
- ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในอาเซียน